เลิกให้ความสำคัญในพรสวรรค์
แล้วเปลี่ยนมาศรัทธาในพรแสวง
หนังสือเล่มนี้บอกว่า ถ้าไม่นับเรื่องดวงแล้ว
มีแต่ความทรหดอดทนยอมแพ้ไม่เป็นเท่านั้น
ที่จะพาคุณไปถึงเป้าหมายได้
เลิกให้ความสำคัญในพรสวรรค์
แล้วเปลี่ยนมาศรัทธาในพรแสวง
หนังสือเล่มนี้บอกว่า ถ้าไม่นับเรื่องดวงแล้ว
มีแต่ความทรหดอดทนยอมแพ้ไม่เป็นเท่านั้น
ที่จะพาคุณไปถึงเป้าหมายได้
เล่มนี้อ่านอยู่ช่วงก่อน COVID-19 แล้วก็หยุดไปเพราะเปลี่ยนมาทำงานที่บ้าน หลังจากเริ่มตั้งหลักได้ก็เอามาอ่านก่อนนอนแทน นี่เพิ่งจะอ่านจบไปสดๆ ร้อนๆ
หนังสือเล่มนี้ต่อต้านลัทธิโลกสวยอย่างตรงไปตรงมา ชีวิตที่แสวงหาความสุขนั้นล้วนเต็มไปด้วยความทุกข์ ส่วนชีวิตที่ยอมรับและเข้าใจถึงความทุกข์นั้นกลับอุดมไปด้วยความสุข
ชีวิตจะสุขจะทุกข์ มันอยู่กับว่าเราพอใจที่จะวางเส้นความคาดหวังไว้ตรงไหนจากจุดที่เราอยู่
Continue readingสวัสดีครับ กลับมาพบกันอีกครั้งกับบทความตกผลึกความคิดจากหนังสือของผมเอง spicydog
เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ผมเข้าช่วงลำบากของชีวิตนิดหน่อย เล่นเอามุมมองความคิดเขวไปหมด แฟนผมก็เลยแนะนำหนังสือเล่มนึงมาให้ผมอ่านเพื่อเติมพลังใจ นั่นก็คือเรื่อง ชีวิตไม่ติดกับ กำจัด 7 กับดักขวางความสำเร็จ (Trap Tales : Outsmarting the 7 Hidden Obstacles to Success) ที่จะมาเล่าให้ฟังวันนี้นั่นเอง
หนังสือเล่มนี้ชี้ให้เห็นถึง 7 กับดักการชีวิตยอดฮิต ที่คนมักจะติดกัน แล้วกลายเป็นอุปสรรคฉุดรั้งความสำเร็จ ที่เขาเรียกเป็นกับดักนั้นก็เพราะว่า ลักษะของมันไม่แสดงตัวว่ามีพิษมีภัยอะไร แต่เมื่อเราพลาดเข้าไปติดแล้ว ก็จะวนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ในนั้น กว่าจะรู้ตัวว่าติดกับอยู่ กว่าจะปรับเปลี่ยนนิสัยที่มีปัญหาได้ ก็อาจจะทำให้เสียเงิน เวลาเสีย เสียความรู้สึก จนไปถึงสูญเสียความสัมพันธ์ที่ดีไป ซึ่งในหนังสือก็ได้แนะนำและอธิบายซะจนเห็นภาพ ชี้ให้คอยสังเกต คอยระวัง ชี้แนวทางการแก้ปัญหา ไปจนถึงวิธีการเอาไปใช้งานจริงและส่งต่อความรู้ด้วย
ซึ่งหนังสือเล่มนี้ผมอ่านดูแล้ว นอกจากจะได้คำเตือนสติต่างๆ แล้ว ยังได้มอบพลังบวกออกมาให้ด้วย จนในที่สุดผมก็เริ่มกลับมาปรับการใช้ชีวิตให้เข้าที่เข้าทางอย่างเดิมได้สำเร็จ
เนื่องจากผมเองก็อยากจดบันทึกสรุปเนื้อหาที่ได้จากหนังสืออยู่แล้ว ก็เลยถือโอกาสเขียน Blog แบ่งปันความรู้ในหนังสือเล่มนี้เสียเลยละกัน แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ ขออนุญาตเอานำประสบการณ์และมุมมองของตัวเองใส่เข้าไปประกอบด้วย เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองวิธีคิดกัน
เราอย่ามัวแต่อารัมภบทอยู่เลย เริ่มเข้าเนื้อหากันเลยดีกว่าครับ 🙂
Continue readingอ่านจบไปอีกเล่มก่อนสิ้นปี หนังสือเล่มนี้ที่ชี้ให้เห็นว่า “ความจริงแล้ว ผมเป็นคนที่ EQ ต่ำเพียงใด”
คน EQ ต่ำ จะตกเป็นทาสของอารมณ์
เป็นหนังสือที่ทีแรกหยิบมาเล่นๆ เพราะจะเอาส่วนลดตั้งแต่ต้นปี หยิบมาเพราะเห็นหน้าปกและสารบัญดูดุดันดี ก็เลยอยากจะรู้ว่า ข้างในหนังสือแรงๆ อย่างนี้เขาเขียนอะไรกัน จนเพิ่งได้มาหยิบอ่านเมื่อต้นเดือน หัวใจก็โดนทิ่มแทงไปหลายแผล เนื้อหาข้างใน ตรงกับหน้าปกอยู่สัก 20% ได้ อีก 80% เป็นเนื้อหาที่อธิบายถึงการเข้าสังคม
Continue readingเมื่อไม่นานมานี้ผมเพิ่งอ่านหนังสือจบไปหนึ่งเล่มที่เหมาะมากสำหรับตัวผมเอง มันเป็นหนังสือที่ปรับวิธีคิดเรื่องการพูดคุยกับมนุษย์คนอื่นๆ โดยพื้นฐานแล้วผมเป็นคนจริงจังเกินไป ชอบคิดอะไรอยู่คนเดียวมากกว่าไปร่วมวงสนทนา และไม่แคร์ว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรกับเรากับการที่เราคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง เพราะเห็นว่าไม่ได้ตรงกับจุดประสงค์และเป้าหมายชีวิตที่กำลังจะไป
แต่ความจริงแล้วมนุษย์เราเป็นสัตว์สังคม ยังไงเราก็ต้องพูดคุยกับคนอื่นให้ได้ คือคนที่มันไม่จำเป็นต้องคุยจริงๆ ก็แล้วแต่ แต่ถ้าเป็นคนที่ควรคุยแต่ดันคุยไม่ติดแล้ว ก็ไม่ต่างอะไรกับการทิ้งโอกาสบางอย่างไป เพราะโอกาสส่วนใหญ่ก็มาจากคนเนี่ยแหละ
ดังนั้นพอมาถึงจุดนี้ก็ต้องพัฒนาการสื่อสารแล้วล่ะ แต่ด้วยความที่เป็นอีกแบบมาตลอดชีวิต แถมยังไม่ใช่สิ่งที่ถนัดจนถึงอาจเรียกว่าเป็นปมด้อยซะด้วยซ้ำในสมัยก่อน จึงเป็นทักษะที่ยากเลยแหละสำหรับการพัฒนา
พอได้มาเจอหนังสือเล่มนี้ ก็เหมือนเจอคนที่ได้ฝ่าฟันปัญหาแบบเดียวกันนี้มาแล้ว ได้มาสรุปอย่างเป็นระบบระเบียบให้ได้ทบทวนและลองปฏิบัติ จะได้ไม่ได้ อีกเรื่องนึง แต่ผมอยากให้ท่านๆ ที่อยากพัฒนาเรื่องการพูดคุยเรื่องทั่วๆ ไป ให้เป็นคนที่ใครก็รู้สึกดีที่ได้เข้ามาคุยด้วย ได้ลองอ่านกันดู
Continue reading