ความจริงจะต้องเขียนเรื่องนี้นานมากแล้ว ไม่รู้ว่าทำไมถึงลืมได้ เพิ่งมาเห็นว่ายังไม่ได้เขียน (เวลาผ่านไปปีกว่าแล้ว) ในขณะที่ยังพอมีความทรงจำเหลืออยู่บ้าง ก็จะขอเขียนเท่าที่จำได้ก็ละกัน อาจจะอ่านไม่มันเท่าไหร่สำหรับอันนี้เพราะว่าความทรงจำมันไม่สดละ
เรื่องนี้เป็นประสบการณ์การไปงาน Conference วิชาการครั้งแรก เป็นอีกหนึ่งความฝันของเด็กที่ไม่ได้เก่งอะไร ที่ได้เขียน Paper เป็นภาษาอังกฤษ และได้ออกไปนำเสนอให้กับนักวิชาการในระดับนานาชาติ (ถึงแม้งานจะจัดที่เหมืองไทยก็เถอะ) ซึ่งต้องบอกว่าเป็นช่วงเวลา 3 วันที่รู้สึกสนุกกับการผจญภัยอย่างมาก ไม่คิดว่าจะได้เจอประสบการณ์ดีๆ อะไรแบบนี้
ก่อนจะไปงาน Conference
เรื่องของการเขียน Paper ผมได้เขียนเอาไว้แล้วในหัวข้อ ประสบการณ์การเรียน ป.โท ในส่วนของปี 2 เทอม 2 เรื่องที่จะเพิ่มขึ้นมาตรงนี้ก็จะเป็นเรื่องของการงาน Conference โดยงาน Conference ที่ไปก็คืองาน ECTI-CON 2016 ซึ่งจัดขึ้นที่เชียงใหม่ระหว่างวันที่ 28 June – 1 July 2016 วันที่ผมต้อง Present คือวันที่ 30 เป็นเหตุให้วางแผนร้ายพรีเซ้นเสร็จแล้วก็กลับกรุงเทพฯ เลย จะได้ประหยัดเงินค่าห้องไปอีกวัน งกจัด ตอนนั้นไม่ค่อยจะมีกินจริงๆ 555
รอบนี้เป็นครั้งแรกเลยที่จองตั๋วโรงแรมและตั๋วเครื่องบินด้วยตัวเอง ปรกติเป็นคนไม่ได้ไปเที่ยวไหนอยู่แล้ว ก็เลยไม่เคยทำมาก่อน ก็อย่างเราก็ตามหาดีลถูกๆ ตามแอพท่องเที่ยว ซึ่งไปได้ดีลของแอพ Traveloka โดยจองตั๋วเครื่องบินไปกลับ กรุงเทพฯ – เชียงใหม่ กับ Lion Air ไปด้วยราคาเพียง 1169.50 บาท ก่อนวันงานประมาณครึ่งเดือน (29 May 2016) แล้วก็จองโรงแรมกับ Expedia ไปลงตัวที่ Buarawong Residence เนื่องจากอยู่ใกล้กับโรงแรมที่จัดงาน เดินไปนิดพ้นหัวมุมถนนก็ถึงละ นอน 2 คืน 968.16 บาท เป็นห้องเตียงนอนคนเดียว เรื่องที่ต้องเตรียมตัวอื่นๆ ก็ไม่มีละ
งาน Conference วันแรก (28/06/2016)
งาน Conference เริ่มลงทะเบียนตอนเที่ยง ผมด้วยความงกก็เลยประหยัดออกจากกรุงเทพฯ ตอนเช้าแทน โดยจองตั๋วเครื่องบินที่มันจะไปถึงโน่นตอนประมาณ 10:10 น. โดยออกจากดอนเมือง 8:55 น. ดังนั้นแปลว่า 7:30 ควรถึงสนามบินแล้ว จากพระราม 2 ถึงดอนเมืองก็คงใช้เวลาสักชั่วโมงกว่า ก็แปลว่าต้องออกจากตั้งแต่ประมาณ 6 โมงเช้า
ปรกติเป็นคนแพ้การตื่นเช้า แต่วันนั้นต้องตื่นจริงๆ คืนก่อนหน้า (คืนวันที่ได้โปสเตอร์) ก็เตรียมตัวจัดกระเป๋าเรียบร้อยพร้อมเดินทางตื่นมาตอนเช้าประมาณตี 5 แต่งตัวเรียบร้อยออกจากห้อง นั่ง Taxi ไปดอนเมือง เรื่องน่าตลกคือ เจอค่า Taxi ไป 400 กว่าบาท นี่มันจะแพงแซงค่าตั๋วเครื่องบินหรือไง 555
ไปถึงสนามบินตอนประมาณ 7 โมงถึง ติดปัญหาว่าโปสเตอร์มันยาว และต้องเอาขึ้นเครื่อง ก็เลยโดนแปะ Tracking ว่าให้เอาไว้ที่หน้าเครื่อง ไม่ให้เอาไว้ที่นั่ง เช็คอินอะไรเรียบร้อยก็ไปนั่งหลับรอพร้อมขึ้นเครื่อง ได้ขึ้นเครื่องตอนประมาณ 8 โมงเช้า แล้วก็ Take Off ประมาณ 8:30 ตรงเวลา!
หลังจากนั้นก็หาทางออกจากสนามบินไปโรงแรม ทีแรกจะเรียก Uber แต่ปรากฏว่าตอนนั้นยังไม่มี Uber ที่เชียงใหม่ สุดท้ายยอมเหมา Taxi จากสนามบินไปโรงแรมในตัวเมือง 120 บาท ณ ตอนนี้จ่ายเงินซื้อเวลาและความสะดวกแล้ว หมดเวลางก จากนั้นก็ Check In ที่โรงแรม ถึงห้อง วางของจัดกระเป๋าเอาเท่าที่จำเป็น แล้วก็นอนแปะกับเตียงไปหนึ่งที หลับไป 1 ชั่วโมง 555 ตื่นมาอีกทีเกือบเที่ยง
จากนั้นก็เดินออกไปที่โรงแรม The Empress ที่จัดงาน ระหว่างทางก็เดินหาข้าวกลางวันกิน ไปนั่งกินข้าวมันไก่ แล้วก็จัดไมโลไปหนึ่งแก้วใหญ่ (มากกกก) เชียงใหม่นี่ของโคตรถูก สั่งแก้ว 20 บาท เล่นเอากินไม่หมดเลย เข้าไปถึงงานก็ลงทะเบียน ได้หนังสือรวม Abstract มาหนึ่งเล่ม กับ Flash Drive เก๋ๆ (แต่โคตรช้า) มาหนึ่งอัน
แล้วก็เข้าไปฟังหัวข้อหนึ่งที่สนใจเป็นเรื่อง Quantum Cryptography โดยมีอาจารย์สมาคม q-thai กับวิทยากรเป็นนักวิจัยจากจีนมาให้ความรู้ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้รู้เรื่อง Quantum จริงๆ จังๆ ว่ามันไม่ได้มีแต่ Quantum Computing นะ มันมีการคิดฤษฎีการเข้ารหัสป้องกัน Quantum Computing เอาไว้เรียบร้อยแล้ว แล้วก็รู้สึกว่ามันเจ๋งมาก อยากจะไปต่อสายนี้เลย
หลังจากจบ Session ก็ได้รู้จักกับ น.ศ. ป.โท ที่มาเพื่อ Present ผลงานเพื่อเรียนให้จบเช่นกัน ก็เลยได้เพื่อนแล้ว 1 คน
ตอนเย็นที่งานมีเลี้ยงอาหาร กินกันสบายใจเลย 555 เข้าใจละว่าไอ้งาน Conference นี่มันเป็นงานมาเที่ยวมาพักผ่อนจริงๆ
กินเสร็จกลับห้องมาตอนประมาณ 1 ทุ่ม จัดแจงรีบเตรียม Presentation สำหรับวันพรุ่งนี้ รีบนอน เพราะเหนื่อยมาก!! เป็นคืนที่หลับเป็นตายไปเลย
งาน Conference วันที่สอง (29/06/2016)
วันนี้ตื่นมาก็ชิลๆ กินข้าวเช้าที่โรงแรม ธรรมดาๆ แต่ก็เพียงพอสำหรับความต้องการ
ภาระกิจสำคัญของวันนี้คือการ Present Poster สำหรับ Student Grant ก็ต้องถ่อสังขารรีบตื่นไปติดโปสเตอร์ตั้งแต่เช้า ติดเสร็จตอนประมาณเกือบ 9 โมง แล้วก็อยู่ Present ผลงานให้กับคนในงาน
ระหว่างยืนรอนำเสนอผลงานก็ทำความรู้จักกับคนโน้นคนนี้ไปเรื่อย
สมัยก่อนเป็นคนไม่ค่อยคุยกับใคร หลังๆ มานี่เริ่มฝึกเข้าสังคม ณ ตอนนั้นก็ยังเพิ่งเริ่ม แต่ด้วยความที่พวกนั้นก็ น.ศ. เหมือนกันมันก็อยากคุยเหมือนเราก็เลยเข้าถึงง่ายหน่อย
จนมาถึงตอนนี้ก็มีเพื่อนหลายคนละ 555 แต่มีแต่พวกทำ Elect ทั้งนั้น สุดท้ายก็พรีเซ้นผ่านไปเรียบร้อย มีหลายๆ คนสนใจผลงานเหมือนกันนะ กลายเป็นว่าได้คุยกับคนโน้นคนนี้เยอะมาก นามบัตรที่มีอยู่นิดหน่อยกลายเป็นไม่พอซะงั้น ไม่คิดว่าจะต้องไปแจกนามบัตรด้วย
แล้วก็ไปเจออาจารย์จาก มช. ที่ทำเรื่อง NLP อยู่ ทีนี้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราวเลย คืออย่างที่รู้กันว่า คนจะวิเคราะห์ภาษาไทยมันติดเรื่องตัดคำนี่ล่ะ เจอหน้าคนทำ NLP ภาษาไทย ถามเรื่องตัดคำดู เจ็บจี๊ดกันทุกคน 555
มาตอนบ่ายพรีเซ้นเสร็จไม่มีอะไรทำแล้วก็คุยกับอาจารย์แกไปเรื่อยจนสนิทกัน ไอ้เราอยากจะไปซื้อของฝากไปให้พี่ๆ และอาจารย์ ที่ ม. ที่ช่วยเดินเรื่อง Thesis ให้ ก็เลยขอคำแนะนำอาจารย์เขา เขาก็ให้ลูกศิษย์ขับรถพาไปส่งที่แถวๆ ไนท์บาซาร์
ซึ่งแถวๆ นั้นจะมีตลาดขายของฝากอยู่ ก็เดินช็อปแบบงงๆ เพราะนี่ก็เพิ่งเป็นครั้งแรกที่ต้องมาซื้อของฝากเหมือนกัน และที่สำคัญคือเดินคนเดียวด้วย หยิบมั่วไปเรื่อย 555 มาพีคตรงขากลับนั่งรถแดงไม่เป็น Taxi ก็ไม่แน่ใจจะโดนฟันไหม เห็นไม่ไกลก็เลยเดินกลับโรงแรมเลย ระหว่างทางก็แวะซื้อของฝากไปเรื่อยๆ อากาศไม่ได้ร้อนมากก็เลยเดินมาถึงโรงแรมสบายๆ
ตอนกลางคืนมีงานเลี้ยงหลักของ Conference มีประกาศอะไรมากมายหลายอย่างบนเวที แล้วก็เลี้ยงโต๊ะจีน ก็นั่งเกาะกลุ่มกับอาจารย์และเพื่อนๆ ที่ได้เจอกัน ทีแรกก็ขึ้นไปรับ Student Grant ก็ได้แต่เกียรติบัตรลงมาก่อน ตังยังไม่ได้ต้องให้ไปเบิกเอาทีหลัง สุดท้ายได้ทุนมา 5000 บาท ทำโปสเตอร์ไป 400 บาท โรงแรมกับตั๋วเครื่องบิน ประมาณ 2000 บาท ค่าเดินทางอื่นๆ อีกประมาณ 1000 บาท สุทธิยังเหลือกำไรประมาณ 1600 บาท แม้จะน้อยนิด แต่ก็ยังดีกว่าขาดทุน 555
เรื่องสุด Surprise มีอยู่ว่า ตอนประกาศรางวัล Best Paper Award แล้วดันมีชื่อเราซะงั้น!! ไม่ได้คิดไม่ได้ฝันว่า Paper งงๆ ฉบับแรกของชีวิตจะได้รางวัล 555 อารมณ์ตอนนั้นมันสุดยอดมาก เหมือนกับสิ่งที่เราตั้งใจทำสุดความสามารถมันออกดอกออกผลอย่างไว ที่ตื่นเต้นมากมันคงจะเป็นเพราะมันเป็นครั้งแรก แล้วก็ไม่คิดว่าจะได้ด้วยล่ะ ถึงแม้ในใจก็แอบมีความหวังอยู่ลึกๆ อะนะ (หลังๆ มานี่เริ่มคิดว่าเขาเอาไว้แจกพวก นศ. ที่มาในงานหรือเปล่า)
พอเสร็จจากงานก็กลับโรงแรม นั่งปั่น Presentation ต่อ คืนนี้เหนื่อยน้อยกว่าคืนแรกมาก มีแรงนั่งทำ Presentation จนเสร็จเรียบร้อย แล้วก็จัดกระเป๋าเตรียมกลับกรุงเทพฯ
งาน Conference วันที่สาม (30/06/2016)
วันนี้เป็นวันที่ต้อง Present ผลงานในห้อง ออกจากโรงแรมก็ขนของทั้งหมดออกไปเลย แล้วก็ Checkout เรียบร้อย ไม่กลับมาละ
เดินไปถึงโรงแรมที่จัดงานก็เปิดคอมขึ้นมาตรวจ Presentation รอบสุดท้าย ระว่างทำๆ อยู่ก็มีอาจารย์มีทักทาย โดยใช้คำเรียกแทนเราว่า “อาจารย์” ตอนนั้นนี่ไฟนักวิชาการลุกเลย 555 ทุกๆ คนในงานส่วนใหญ่คงจะเป็นอาจารย์กันทั้งนั้น
พอใกล้ๆ ถึงเวลา Present ก็เข้าไปนั่งรอในห้อง นั่งฟังผลงานของคนอื่น แล้วก็รู้สึกว่า อืม.. Conference นี่มันไม่ได้มีอะไรเลยจริงๆ อย่างที่อาจารย์เราเคยบอก แค่ทำงานทดลองแบบที่สามารถอธิบายได้เป็นวิทยาศาสตร์ก็สามารถเขียนเป็น Paper มาร่วมงานได้ละ
พอถึงคิวเราก็ขึ้นไปพรีเซ้นเป็นภาษาอังกฤษเป็นปรกติ ความยากอยู่ที่เวลาจำกัดมาก และเนื้อหาดันเยอะ พูดเร็วจนรู้สึกว่าคนฟังคงจะย่อยไม่ทัน
พรีเซ้นเสร็จตอนประมาณ 11 โมง เครื่องขึ้นบ่าย 2 ต้องถึงสนามบินตอนเที่ยง เผ่นซิครับรออะไร บอกน้องที่จัดงานให้เอาเกียรติบัตรไปให้เอาไปให้ตรงโปสเตอร์
ส่วนตัวเราก็ออกจากห้องไปเก็บโปสเตอร์ แล้วก็มาเจอทีมจากจุฬาฯ เข้ามาถามเกี่ยวกับผลงาน เป็นอาจารย์และลูกศิษย์มากันเป็นกลุ่มเลย แต่ไม่ได้มีเวลาคุยมากนักก็เลยฝาก contact กันเอาไว้
หลังจากนั้นก็เรียก Grab Taxi มารับไปสนามบิน นั่งจากโรงแรมมาถึงสนามบิน 70 บาท แต่มีค่าเรียกอีก 50 บาท สุดท้ายแม่งพอๆ กับเหมา Taxi นี่ล่ะ เหอะๆ
ถึงสนาบิน Checkin เรียบร้อยตอนเที่ยงนิดๆ แล้วก็มารอขึ้นเครื่อง ความจริงน่าจะเถลไถลคุยกับอาจารย์ที่จุฬาฯ ให้รู้เรื่อง เพราะพอกลับมาแล้วก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก แล้วก็ขึ้นเครื่องกลับมากรุงเทพฯ อย่างปลอดภัย
ระหว่างนั่งรถเมล์ไปรถไฟฟ้าก็เจอคู่ฝรั่งออสเตรเลีย Backpack ทำท่างงๆ ก็เลยเข้าไปคุย ช่วยพาเดินทาง สุดท้ายก็เลยพามาส่งไว้ที่ BTS สยามตามที่เขาต้องการ เสียดายไม่สามารถแนะนำ Hostel ให้ได้เพราะตัวเราไม่รู้จักเลย
แล้วก็นั่งรถไฟฟ้ากลับมาวงเวียนใหญ่ เลยแวะเข้า บ. เอาของฝากไปให้น้องๆ จากนั้นก็ออกจาก บ. นั่ง Taxi กลับคอนโด เป็นอันจบการผจญภัย
หลังงาน Conference
มีเรื่องนึงที่น่าเสียดายคือ พวกเพื่อนๆ ที่เจอที่งานเขาไปเที่ยวกันต่อหลังงาน แล้วที่งานก็พาไปเที่ยวด้วยล่ะ ไอ้เราไม่รู้กลับก่อนก็เลยอดไปเที่ยวด้วยเลย แต่ก็ช่างมัน ผ่านไปละ สำหรับน้องๆ กำลังจะไป Conference ครั้งแรก ขอแนะนำให้ใช้เวลาให้เต็มที่ครับ คิดซะว่าไปเที่ยว ไปเจอเพื่อนใหม่ๆ
เรื่องน่าตลกเรื่องนึงก็คือ Connection ที่ได้ในงานไม่ยั่งยืนเลย 555 สุดท้ายเหลือติดต่อพี่ที่อยู่กรุงเทพฯ อยู่คนเดียว
ส่วน Paper ก็ขึ้น IEEE Xplore ไปแล้วเรียบร้อยแล้ว 🙂
References
- A hybrid approach for Thai word segmentation with crowdsourcing feedback system
- ECTI e-magazine Vol.10, No.3, Jul.-Sept. 2016