วันนี้ออกไปกินข้าวที่ Food Court ใกล้บ้าน
ตอนใกล้จะกินเสร็จก็มีพี่ที่คอยเดินเก็บจาน
มาขออนุญาตเก็บจานที่กินเสร็จแล้วออกไป
เราก็กล่าวขอบคุณไปตามปรกติ
แล้วอยู่ๆ ก็นึกขึ้นมาแล้วหันไปถามแฟนว่า..
“แล้วพรุ่งนี้พี่เขาจะทำอะไร?”
ณ ขณะนั้น ในใจรู้สึกเศร้าจนแทบจะร้องไห้ออกมา
ไหนจะคนที่ล้างจานอยู่ข้างหลังอีกกี่ชีวิต
ผู้ประกอบการจะตัดสินใจอย่างไร?
พวกเขาจะทำอย่างไร?
สำหรับเรา วันนี้คือวันสุดท้ายที่จะได้ออกมากินข้าวนอกบ้าน
แต่สำหรับอีกหลายคน วันนี้คือวันสุดท้ายที่จะได้ทำหน้าที่นี้
และอาจจะเป็นวันสุดท้ายที่เขาจะมีรายได้ไปเลี้ยงครอบครัว
การประกาศปิดสถานที่ต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยงก็เป็นเรื่องจำเป็น
ถ้าไม่ปิด ผู้คนจะป่วยกันเยอะ โรงพยาบาลก็จะทะลัก และมีคนตายกันเป็นเบือ
แต่พอประกาศ ก็ทำให้คนอีกเป็นจำนวนมากที่ทุกวันนี้ก็แทบจะไม่พอกินอยู่แล้ว
ยิ่งต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างจำกัดจำเขี่ย ยิ่งลำบากขึ้นไปอีก
เราจะทำยังไงให้คนมีงานทำในช่วง Lockdown ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้
ทำยังไงให้ผู้คนยังสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินหน้าไปต่อได้จากที่บ้าน
ยังมีอีกกี่อาชีพ อีกกี่แสน กี่ล้านคน ที่ได้รับผลกระทบนี้กับเรื่องนี้
แต่ปัญญาของเรายังไปไม่ถึง ยังไม่อาจรับรู้ถึงปัญหาที่พวกเขาต้องพบเจอ
โลกมนุษย์นี้ช่างโหดร้ายเสียเหลือเกิน
คงปฏิเสธคำกล่าวที่ว่า “ชีวิตคือความทุกข์” ในสถาการณ์แบบนี้ไม่ได้เลย